Art Of The Devil 2 (2005) ลองของ

ดูหนัง Art Of The Devil 2 (2005) ลองของ

เรื่องย่อ
ลองของ เกิดขึ้น 2 ปีก่อนเหตุการณ์ในภาคแรก โดยเล่าถึงการกลับมาของ ต๊ะ ที่ไม่ได้กลับบ้านของครอบครัวคุณแม่มาเกิน 10 ปี หลังจากที่ เดือน เสียชีวิตไป และ ประเวท ได้แต่งงานใหม่กับ ครูพนอ ทำให้ต๊ะต้องย้ายมาอยู่กับพวกเขา การกลับมาครั้งนี้ของต๊ะเพื่อวัตถุประสงค์สำคัญ เชิญดวงวิญญาณของเดือนกลับเข้าสู่ร่างใหม่ ซึ่งร่างที่ถูกเลือกให้วิญญาณของเดือนเข้าไปสิงคือ ครูพนอ ที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลโรคประสาท เนื่องจากครูพนอได้กินเนื้อของ พร หมอไสยศาสตร์ที่ทำของใส่เขา และทำให้ครูพนอได้รับอาคมและคุณไสยต่างๆ ที่ทำให้เขาเกิดอาการคลุ้มคลั่ง

การทำพิธีนี้มี จ่าดิฐ หมอไสยศาสตร์ฝีมือดีเป็นผู้ดำเนินการ จ่าดิฐเป็นคนที่หลงใหลในไสยศาสตร์และมีการฆ่าหมอไสยศาสตร์คนอื่นๆ เพื่อลักขโมยวิชาจากพวกเขา จนทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเน่าเฟะจากอาคมและคุณไสยที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ ทางเดียวที่จ่าดิฐสามารถรักษาตัวเองได้คือการได้รับพลังอาคมจาก เทพสามตา เมื่อจ่าดิฐรู้ว่าครูพนอมีอาคมเทพสามตาอยู่ในตัว เขาจึงพยายามขโมยพลังนี้เพื่อความเป็นอมตะ แต่เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดจนวิญญาณของครูพนอสามารถกลับเข้าสู่ร่างของตัวเองได้ และเกมการล้างแค้นของครูพนอจึงเริ่มต้นขึ้น

รีวิวหนัง Art Of The Devil 2 (2005) ลองของ

การเล่าเรื่องในภาคนี้ถือว่ามีความสนุกอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นสุด เนื่องจากการเพิ่มฉากโหดและซาดิสต์ที่เยอะขึ้น เช่น ฉากไส้ทะลักและการเย็บเปลือกตาด้วยเข็ม ทำให้ดูเหมือนว่าหนังพยายามสร้างความตกใจด้วยภาพเหล่านี้มากเกินไป ซึ่งกลับไม่สามารถสร้างความหลอนที่เทียบเท่าภาคแรกที่เน้นความสยองจากเนื้อเรื่องมากกว่า

แม้ว่าหนังจะมีการเดินเรื่องที่กระชับ แต่ก็มีปัญหาด้านไทม์ไลน์และรายละเอียดที่ขัดแย้งกับเรื่องราวในภาคแรก อย่างเช่น ตัวละครบางคนที่ยังไม่ตายหรือสถานการณ์ที่ไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคแรก จึงทำให้เกิดความรู้สึก “เอ๊ะ” ในระหว่างดู ซึ่งทำให้ความสนุกลดลงไป

จุดเด่นของภาคนี้
ต๊อก ศุภกรณ์ เป็นผู้ขโมยซีนของภาคนี้ได้อย่างเด็ดขาด เขาสามารถสร้างคาแรคเตอร์ของ จ่าดิฐ หมอไสยศาสตร์ผู้หมกมุ่นกับการสะสมวิชาอาคมให้กลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำ ด้วยการแสดงที่มีมิติและสมจริง

สรุป
Art Of The Devil 2 แม้จะมีการเพิ่มฉากโหดและพยายามสร้างความน่ากลัวผ่านภาพที่มีความรุนแรงมากขึ้นในภาคนี้ แต่ยังไม่สามารถสร้างความหลอนที่เทียบเท่าภาคแรกได้ การมีปัญหาด้านไทม์ไลน์และรายละเอียดที่ไม่ตรงกับภาคแรกทำให้ความสนุกลดลงไปบ้าง แต่ จ่าดิฐ ที่แสดงโดย ต๊อก ศุภกรณ์ ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้หนังภาคนี้น่าจดจำ.