The Accountant 2 (2025) อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2
ดูหนัง The Accountant 2 (2025) อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2
The Accountant 2 (2025) อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2 คือการหวนคืนจอที่หลายคนอาจไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นภาคต่อที่ยังคงยึดเส้นเรื่องดั้งเดิมไว้อย่างมั่นคง พร้อมทั้งขยายจักรวาลและมิติของตัวละครได้อย่างกลมกล่อม แม้จะไม่ได้แปลกใหม่แบบก้าวกระโดด แต่ก็ยังถือว่า “ตอบโจทย์แฟนเดนตาย” ได้อย่างเต็มอิ่ม
พล็อตเรื่องที่กลับมาพร้อมความคุ้นเคยแต่เพิ่มเติมความอบอุ่น
คริสเตียน วูล์ฟฟ์ (รับบทโดย เบน แอฟเฟล็ก) กลับมาอีกครั้งในฐานะนักบัญชีอัจฉริยะผู้มีทักษะการสืบสวนและการต่อสู้เหนือชั้น เมื่อเขาต้องคลี่คลายคดีฆาตกรรมปริศนาโดยมีข้อความสุดท้ายของผู้ตายว่า “ตามหานักบัญชี” ทำให้วูล์ฟฟ์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลุยอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ลุยเดี่ยว เพราะต้องดึงตัว แบรซตัน (น้องชายที่ทั้งอันตรายและห่างเหิน) เข้ามาร่วมภารกิจ พร้อมกับการสนับสนุนจาก แมรีเบธ เมดินา รองผู้อำนวยการกระทรวงการคลัง พวกเขาต้องเผชิญกับเครือข่ายอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยอันตราย ซึ่งไม่มีวันยอมหยุด จนกว่าความลับทั้งหมดจะถูกกลบฝัง
ทีมผู้สร้างและนักแสดงเดิมที่ยังคงแข็งแกร่ง
เกวิน โอคอนเนอร์ กลับมานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมด้วยบทจาก บิล ดูบูเก้ เช่นเดิม ส่งผลให้โทนของหนังยังคงรสชาติเดิมไว้ได้ครบ ทั้งความเข้มข้นทางอารมณ์ การสืบสวน และฉากแอ็กชันที่แม้จะไม่ได้หวือหวา แต่ก็คุมโทนได้ดี นักแสดงสมทบอย่าง ซินเธีย แอดได-โรบินสัน, แดเนียลลา พินเนด้า และ เจ.เค. ซิมมอนส์ แม้จะมีบทบาทที่ไม่เด่นชัดนัก แต่ก็ช่วยส่งเสริมความสมบูรณ์ของภาพรวมได้พอสมควร
จุดแข็งและจุดอ่อนของภาคนี้
จุดแข็ง
ความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยเฉพาะสายใยพี่น้อง ที่ทำให้เนื้อเรื่องมีมิติและอบอุ่นมากขึ้น
การเล่าเรื่องที่ต่อเนื่องจากภาคแรกได้อย่างไม่สะดุด
บทแอ็กชันที่สมจริง ไม่เวอร์วัง แต่ยังคงความระทึก
จุดอ่อน
ขาดความสดใหม่ในพล็อตและการดำเนินเรื่อง
ปมบางจุดยังคงคลุมเครือ ไม่ได้รับการคลี่คลายอย่างชัดเจน
ลีลาการเล่าเรื่องบางช่วงดูเชื่องช้าและไม่เร้าใจพอสำหรับคอบู๊บางกลุ่ม
The Accountant 2 (2025) อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2 ควรดูไหม?
ถ้าคุณเป็นแฟนของภาคแรก หรือชื่นชอบหนังแนวอาชญากรรมสืบสวนที่มีความสัมพันธ์ตัวละครแฝงอยู่ลึก ๆ อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2 ก็ยังคงเป็นภาคต่อที่ “ดูเพลินได้” ถึงแม้จะไม่ได้ปังทะลุเพดาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังในภาพรวม เป็นอีกหนึ่งภาคที่ “ไม่จำเป็นต้องมี” แต่พอมีแล้วก็ “น่าดูไม่น้อย”
สรุปคะแนนรีวิว 7.5/10
เหมาะสำหรับ : แฟนภาคแรกคนที่ชอบหนังแอ็กชันผสมดราม่าแบบมีชั้นเชิง
ไม่เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหนังแอ็กชันเน้นฉากต่อสู้หรือพล็อตหักมุมจัด ๆ